ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก ตุลาคม, 2016

พระพุทธรูปปางประธานพร (นั่ง)

พระพุทธรูป ปางประทานพร (ในท่านั่ง)    ป างประทานพร  เป็นพระพุทธรูปลักษณะทำห้อยพระหัตถ์เบื้องขวา หันฝ่าพระหัตถ์ไปข้างหน้าเป็นเครื่องหมาย แต่ส่วนองค์ พระพุทธรูป นั้นทำท่านั่งขัดสมาธิอย่างปางสมาธิ ยืน หรือเดิน เมื่อครั้งพระอานนท์ถูกเลือกให้ทำหน้าที่เป็นพระอุปัฏฐากของพระพุทธเจ้า ท่านได้ขอพร 8 ประการ จากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร 4 ข้อแรก ได้แก่ ไม่ประทานจีวรอันประณีตแก่ท่าน ไม่ประทานบิณฑบาตอันประณีตที่พระองค์ได้มาแก่ท่าน ไม่ประทานให้ท่านอยู่คันธกุฏิเดียวกับพระพุทธองค์ ไม่ทรงพาท่านไปในที่นิมนต์ ขอให้พระพุทธองค์ไปในที่นิมนต์ที่ท่านรับไว้ ถ้าท่านนำพุทธบริษัทมาจากแดนไกลขอให้ได้เข้าเฝ้าทันที ถ้าท่านมีความสงสัยขอให้ถามท่านได้ทันที ถ้าพระพุทธองค์ทรงไปแสดงพระธรรมที่ไหน ถ้าท่านไม่ได้ฟัง ขอให้แสดงแก่ท่านอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อป้องกันคำครหาว่าท่านอุปัฏฐากแล้วไม่ได้รับความเอื้อเฟื้อจากพระพุทธองค์เลยพระพุทธองค์ได้ประทานพรทั้ง 8 ประการ แก่พระอานนท์

พระพุทธรูปปางปฐมเทศนา

พระพุทธรูปปางปฐมเทศนา                           พระพุทธรูป สร้างขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า และส่วนหนึ่งเพื่อบอกเล่าถึงพุทธประวัติว่ามีความเป็นมาอย่างไร  จึงเป็นมูลเหตุของการสร้างพระพุทธรูปเพื่อเล่าเรื่องราวในแต่ละตอนขึ้น ความหมายของคำว่า “ปาง” จึงหมายถึงพุทธประวัติตอนใดตอนหนึ่ง  ต่างจากคำว่า “มุทรา” ที่หมายถึงการแสดงท่าด้วยพระหัตถ์ ว่าพระพุทธเจ้ากำลังทรงกระทำสิ่งใดในวาระนั้น. ในศิลปะ อินเดียรุ่นแรกๆปรากฏการแสดง “มุทรา”  ของพระพุทธรูปเพียง ๖ ท่าเท่านั้น ได้แก่ มารวิชัยสมาธิ ปฐมเทศนา ทรงแสดงธรรม (วิตรรกมุทรา) ประทานอภัย และประทานพร การแสดงมุทรานี้ บางครั้งมุทราหนึ่งอาจนำไปใช้ในพุทธประวัติตอนอื่นๆ ด้วย อย่างเช่น ท่าทรงแสดงธรรม มีปรากฏอยู่ในพุทธประวัติหลายตอน อย่างไรก็ดี ตามความเข้าใจในปัจจุบัน มักรวมเรียกการแสดงมุทราว่าการแสดงปางด้วย พระพุทธรูปปางปฐมเทศนา ศิลปะ ทวารวดี           ส่วนการแสดงปางหรือพุทธประวัตินั้น แรกเริ่มมีเพียง ๔ ปาง ตามสังเวชนียสถานทั้ง ๔ แห่ง ได้แก่ ปางประสูติ ปางตรัสรู้ ปางปฐมเทศนา และปางปรินิพพาน ต่อมาภายหลังจึงเพิ่มขึ้นเป็น ๘ ปาง ตามมหาสถานที่

กรทำบุญ ทำทานเพื่อประโยชน์คนหมู่มาก บุญจะออกดอกออกผลมากตามไปด้วย

                       การทำบุญ ทำทานเพื่อประโยชน์แก่คนหมู่มากนั้น เป็นบุญใหญ่หนุนให้มีทรัพย์เร็วมาก! ขอให้พึงสังเกตอะไรอย่างหนึ่ง คนที่รวย นั้นทำไมมักชอบทำบุญกับพระเถระผู้ใหญ่หรือพระผู้มีวัตรปฏิบัติดี ก็เพราะเขารู้ว่า ท่านเหล่านั้น เป็นผู้ที่มีเนื้อนาบุญสูง เพราะเมื่อท่านเหล่านี้เมื่อรับทานมาแล้ว               ท่านจะรีบเอาปัจจัยเหล่านั้นไปสร้างบุญต่อ ทั้งสร้างโรงพยาบาล สร้างวัด โรงเรียน หรือสิ่งที่เป็นสาธารณะประโยชน์ สงเคราะห์คนหมู่มาก บุญนั้นก็ออกดอก ออกผลมากขึ้นและผู้ที่ทำทานก็จะได้บุญมากขึ้นๆ เพราะทุกคนที่มากราบไหว้มาแสวงบุญ หรือใช้บริการนั้น เขาจะรู้สึกขอบคุณ มีการโมทนาบุญนั้นตลอดเวลา จากหนึ่งเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อย จากร้อยเป็นหมื่นเป็นแสน เป็นล้านไม่รู้จบ ครูบาอาจารย์ท่านเรียกว่า “บุญงอก” ออกมา           สำหรับท่านที่ชอบสร้างบุญสร้าง พระองค์ใหญ่ สิ่งก่อสร้างทางพระพุทธศาสนาต่างๆ ด้วยวัตถุที่คงทน ก็ขออนุโมทนาบุญด้วย เพราะเป็นบุญใหญ่มาก เพราะเป็นเหตุให้คนมาสร้างบุญและทุกครั้งที่คนเหล่านั้นมากราบไหว้ มาชำระจิตใจ หรือเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ท่านที่สร้างบุญนี้จะได้”บุญเพิ่ม

พระพุทธรูปปางสมาธิ

                         พระพุุทธรูปปางสมาธิ หรือปางตรัสรู้ พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถประทับ (นั่ง) สมาธิ พระหัตถ์ทั้งสองวางหงายซ้อนกันบนเพลา (ตัก) พระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้าย พระชงฆ์ (แข้ง) ขวาทับพระชงฆ์ซ้าย ความเป็นมาของปางสมาธิหรือปางตรัสรู้      หลังจากที่พระบรมโพธิสัตว์มีชัยชนะเหนือพญามารแล้ว ทรงบำเพ็ญสมาธิต่อไป เมื่อจิตตั้งมั่นบริสุทธิ์ผ่องใสปราศจากอุปกิเลสแล้ว ในปฐมยามทรงบรรลุจตูปปาตญาณ คือสามารถหยั่งรู้การเวียนว่ายตายเกิดของสรรพสัตว์ว่า สัตว์ทั้งหลายเกิดมาแล้วตายไป ประสบสุขและทุกข์ตามกรรมที่ทำไว้ และในปัจฉิมยามพระองค์ทรงบรรลุอาสวักขยญาณ ทรงทำอาสวกิเลสทั้งหลายให้ดับสิ้นไป จนได้บรรลุอนุตสัมมาสัมโพธิญาณ ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในเวลารุ่งอรุโณทัย ตรงกับวันเพ็ญเดือน 6 หรือขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 (วันวิสาขบูชา) สถานที่ตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปัจจุบันอยู่ในตำบลพุทธคยา ประเทศอินเดีย สาเหตุของการสร้างพระพุทธรูปว่าสร้างขึ้นมาทำไม       เรื่องเดิมมีอยู่ว่าเป็นธรรมดาของพระโพธิสัตว์ ก่อนจะมาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ หลังจากได้รับพยากรณ์จากพ

พระพุทธเจ้า 5 พระองค์

พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ตามแนวคิดพุทธศาสนามหายาน                พุทธศาสนานิกายมหายาน  มีแนวความคิดเรื่องพุทธภาวะหลังปรินิพพานว่า พระพุทธเจ้าเมื่อได้แสดงตนว่าปรินิพพานแล้วนั้น ที่จริงหาได้เป็นการสิ้นสุดของพุทธภาวะไม่ การปรินิพพานเป็นเพียงอุบายแห่งการสั่งสอนสรรพสัตว์เท่านั้น พระองค์ยังคงมีพุทธภาวะอยู่โดยสมบูรณ์ในรูปของสัมโภคกาย สามารถที่จะรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ได้ และจะดำรงอยู่เช่นนี้ตลอดชั่วกาลนาน จนกว่าจะช่วยเหลือสรรพสัตว์ได้หมด พระองค์จึงจะเสด็จเข้าสู่พระนิพพาน โดยแบ่งออกเป็น 3 พระองค์หลักๆ คือ       1. พระอาทิพุทธเจ้า เป็นพระพุทธเจ้าที่อุบัติขึ้นมาพร้อมกับโลกองค์แรกและประจำอยู่ชั่วนิรันดร เป็นพระพุทธเจ้าที่เกิดขึ้นมาเองก่อนสิ่งใดทั้งหมด ซึ่งไม่สามารถระบุเบื้องต้นและเบื้องปลายได้ เป็นผู้ให้กำเนิดพระมานุษิพุทธเจ้าและธยานิพุทธเจ้า รวมทั้งพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย และให้กำเนิดสรรพสิ่งต่างๆ ทั้งมวลที่มีอยู่ในสกลจักรวาลนี้ หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาล ล้วนถือกำเนิดมาจากองค์พระอาทิพุทธเจ้าทั้งสิ้น           พระอรรถกถาจารย์ได้สร้างพระอาทิพุทธเจ้าขึ้

ประวัติเจ้าแม่กวนอิม

ประวัติเจ้าแม่กวนอิม หรือพระโพธิสัตว์กวนอิม (ตำนานจีน)                     เจ้าแม่กวนอิม เป็นพระโพธิสัตว์ ของพระพุทธศาสนา ฝ่ายมหายาน เป็นองค์เดียวกันกับพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ในภาษาสันสกฤต ซึ่งมีต้นกำเนิดจากพระสูตรมหายานในอินเดีย และได้ผสมผสานกับความเชื่อพื้นถิ่นดั้งเดิมของจีน คือตำนานเรื่องพระธิดาเมี่ยวซ่าน ก่อให้เกิดเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิมในภาคสตรีขึ้นเพื่อแสดงออกถึงความอ่อนโยน และแสดงถึงความเมตตากรุณาให้เด่นชัดยิ่งขึ้นดังเช่นความรักของมารดาที่มีต่อบุตร ซึ่งเป็นการ ผสมผสานกลมกลืนทางความเชื่อที่ปราศจากข้อขัดแย้งเนื่องจากในสัทธรรมปุณฑรีกสูตรได้อธิบายว่า พระอวโลกิเตศวรนั้นสามารถแบ่งภาคเพื่อโปรดสรรพสัตว์ได้มากมายทั้งปางบุรุษและสตรี และเป็นธรรมดาของพระโพธิสัตว์มหายานที่เมื่อเข้าไปสู่ดินแดนอื่นทั้งทิเบต จีน หรือญี่ปุ่นย่อมผสมผสานกลมกลืนได้กับเทพท้องถิ่นนั้น ๆ ตามตำนานจีน           พระโพธิสัตว์กวนอิม (ประสูติ 19 เดือนยี่จีน) ชาติสุดท้ายเป็น ราชธิดานาม เมี่ยวซ่าน เดิมเป็นเทพธิดา มาจุติยังโลกมนุษย์เพื่อมาช่วยปลดเปลื้องทุกข์ภัยแก่มวลมนุษย์ เป็นราชธิดาองค์สุดท้ายของกษัตริย์ เมี่ย

พระพุทธรูปปางประจำปีเกิด

พระพุทธรูปประจำปีเกิด             คนส่วนใหญ่ก็จะรู้จักแต่ พระพุทธรูปประจำวันเกิด วันนี้เลยขอนำเรื่องของพระพุทธรูปประจำปีเกิด มาแนะนำ หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยสำหรับผู้ที่เข้าเยี่ยมชมค่ะ ( การนับจะนับตามเดือนไทย ไม่ได้นับตามเดือนฝรั่ง คือจะเริ่มจากเดือนอ้าย หรือเดือนที่ 1 ก็จะเป็นเดือนธันวาคม ซึ่งจะถือว่าเป็นเดือนแรกของปี หลังจากนั้นก็ให้นับไล่ลงไปเรื่อย ๆ จนครบ 12 เดือนค่ะ) ปีชวด ปางโปรดอาฬวกยักษ์ หรือ ปางโปรดสัตว์  ปีฉลู ปางห้ามสมุทร และ ปางโปรดพุทธมารดา  ปีขาล ปางโปรดพกาพรหม  ปีเถาะ ปางอธิษฐานเพศบรรพชิต หรือ ปางมหาภิเนษกรมณ์ และ ปางปัจเวกขณ์  ปีมะโรง ปางโปรดองคุลีมารโจร  ปีมะเส็ง ปางรับอุทกัง  ปีมะเมีย ปางสนเข็ม  ปีมะแม ปางประทานพร  ปีวอก ปางทรงสุบิน, ปางรับมธุปายาส, ปางเสวยมธุปายาส  ปีจอ ปางชี้อัครสาวก  ปีกุน ปางโปรดพญาชมพูบดี

อานิสงฆ์การสร้างพระประธาน

สาเหตุของการสร้างพระพุทธรูปว่าสร้างขึ้นมาทำไม      เรื่องเดิมมีอยู่ว่าเป็นธรรมดาของ พระโพธิสัตว์  ก่อนจะมาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ หลังจากได้รับพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อน แล้วจะต้องบำเพ็ญ บารมี ต่ออีกอย่างน้อย 4 อสงไขยกับแสนมหากัป ซึ่งนับว่านานไม่ใช่เล่นเลยทีเดียว      เพราะเหตุนี้นานๆ จึงจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นสักพระองค์หนึ่ง เมื่อพระองค์ใดบังเกิดขึ้นแล้วก็จะทรงรีบประกาศ ธรรมะ ให้ชาวโลกรู้ ชาวโลกที่รู้แล้วก็ตั้งอยู่ในศีลในธรรม ประพฤติปฏิบัติตัวเป็นอย่างดี จนกระทั่งหมดกิเลสเข้านิพพานตามพระองค์ไป เพราะฉะนั้น ใครที่เกิดทันเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ชื่อว่ามีโชคดีอย่างยิ่ง     คราวนี้สำหรับผู้ที่มาเกิดไม่ทันพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้พบแต่คำสอนของพระองค์ นึกหน้าเจ้าของคำสอนไม่ออกจะทำอย่างไรดี ?      ปู่ ย่า ตา ยาย ที่ ปฏิบัติธรรม จนเข้าถึงพระ ธรรมกาย แล้ว ท่านมองการณ์ไกล รู้ว่าในภายหน้าจะเกิดมี ปัญหา เรื่องนี้แน่นอน จึงปั้นองค์พระตามลักษณะที่ท่านเห็นในกายภายในออกมา พระพุทธรูปที่ท่านแกะสลักจำลองออกมาจากภายในจึงสวยงามมาก เพื่อให้คนรุ